เขียนโดย โหว เหวินหย่ง
แปลโดย อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี
เมื่ออาจารย์ประจำชั้นตั้งแง่กับนักเรียนชั้นมัธยมสามคนหนึ่ง การลงโทษที่จะพลิกผันชะตาชีวิตของเด็กคนนั้นไปตลอดกาลจึงได้อุบัติขึ้น ผู้ปกครองตลอดจนคนที่ไม่เห็นด้วยต่างหลั่งไหลกันมาชุมนุมคัดค้าน เรื่องราวบานปลายขึ้นทุกที การประท้วง การสูญเสีย ที่มิอาจควบคุมได้ กระแสปฏิวัติอันร้อนระอุได้เริ่มขึ้นแล้ว
สุดยอดนวนิยายเข้มข้น สะเทือนวงการศึกษา!
อาจเป็นเพราะพวกเรายังเด็กเกินไป จึงตื่นเต้นกับการใช้คำพูดที่ตนเองรับผิดชอบไม่ได้
อย่างเช่น “สู้ๆ นะ”
“พยายามเข้านะ”
หรือประเภท “ฉันชอบเธอนะ”
“พวกเราจะเป็นกำลังใจให้นะ”
“ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปนะ”
การสอบปากคำมาถึงตรงนี้
ผมรู้สึกได้ว่าเจ้าหน้าที่สืบสวนเริ่มเบื่อหน่ายแล้ว ผมไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย ข้อนี้พวกเราทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่ พวกเราเหมือนกับกำลังกินมื้อค่ำที่ไม่อยากจะกินแล้ว แต่จำเป็นต้องกินให้หมด
“เธอได้บงการหรือชี้นำให้ใครไปทำลายรถยนต์ของอาจารย์ฝ่ายปกครองหรือเปล่า?”
“เปล่า”
“เธอแน่ใจหรือ”
"ผมจะทำเรื่องอย่างนั้นทำไม” ผมถามกลับ
“ทำไมจะทำไม่ได้”
“ผมกำลังงัดข้ออยู่ที่โรงเรียนผ่านทางสื่อมวลชน
จะทำเรื่องโง่ๆ ที่ให้ร้ายกับตัวเองแบบนั้นทำไม”
เจ้าหน้าที่สอบปากคำเอามือเท้าคาง หันไปมองเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่กำลังจดคำให้การ สักครู่ก็ถามว่า “อาจจะเป็นฝีมือของเพื่อนเธอหรือเปล่า?”
ผมคิดสักครู่ “ก็เป็นไปได้”
“เธอคิดว่าอาจจะเป็นใคร”
ผมลังเลเล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ห่าวไม่พอใจวิธีการถามคำถามของนายตำรวจ
“เด็กก็บอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาไม่ได้ทำ
และเขาก็ไม่ได้บงการให้ใครไปทำ
ส่วนเรื่องที่ว่าใครเป็นคนทำพวกคุณก็ต้องไปหาหลักฐานนำสอบเอาเองสิ! ไม่ใช่ว่าในมือไม่มีหลักฐานอะไรเลย
คนอื่นเขาว่าเป็นใครคุณก็ว่าตามแล้วเอาไปพูดสั่วๆ กับสื่อมวลชน ทำแบบนั้นคนอื่นเขาต้องเดือดร้อนกันขนาดไหนพวกคุณรู้บ้างหรือเปล่า” อาจารย์ห่าวตำหนิ “ถ้าฉันบอกว่าพวกอาจารย์ฝ่ายปกครองจงใจกรีดรถตัวเองเพื่อขอความเห็นใจจากสังคมล่ะ ก็มีเหตุผลนี่นา พวกคุณจะลองไปตรวจสอบดูหน่อยไหม แล้วก็ช่วยบอกสื่อมวลชนให้ด้วย”
“ผู้ใหญ่บังคับให้เรายอมรับมาตรฐานและแนวคิดของพวกเขา แต่พวกเขาไม่เคยยอมรับของพวกเรา”
“ทำไมพวกผู้ใหญ่จึงไม่ยอมรับแนวคิดของพวกน้อง?”
“เพราะพวกผู้ใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง พวกเขากลัว”
“น้องสลักตัวอักษรคำว่า โฮโจ
อากิระ กับ อาซามิ
จิอากิ ซึ่งเป็นชื่อตัวเอกทั้งสองคนในการ์ตูนเรื่องสุภาพบุรุษทรชน มันหมายความว่าอะไร?”
“ตอนที่โฮโจ
อากิระถูกถามว่าทำไมต้องใช้เงินจากยากูซ่าช่วยเหลืออาซามิเข้าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โฮโจ
อากิระตอบว่า พลิกโฉมญี่ปุ่น” “พลิกโฉมญี่ปุ่น หมายความว่ายังไง?”
“การศึกษาไต้หวันทำให้พวกเราซึ่งเป็นนักเรียนมองไม่เห็นความหวัง ผู้ปกครองมองไม่เห็นความหวัง สังคมมองไม่เห็นความหวัง ประเทศชาติก็มองไม่เห็นความหวัง” เกาเหว่ยฉีสำรวมรอยยิ้มตลกโปกฮาเอาไว้ พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “ผมอยากเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันพลิกโฉมการศึกษาของไต้หวัน” ผมสังเกตเห็นนักข่าวหลายคนหัวเราะคิกคัก เหมือนกับคำพูดของเกาเหว่ยฉีเป็นเรื่องไร้เดียงสาน่าตลก แต่ผมกลับไม่รู้สึกตลกด้วยแม้แต่น้อย
“น้องไม่รู้สึกหรือว่าการทำลายรถยนต์ของอาจารย์ที่โรงเรียนเป็นการกระทำที่รุนแรง
พฤติกรรมแบบนี้จะเรียกร้องให้ทุกคนลุกขึ้นมาช่วยกันพลิกโฉมการศึกษาของไต้หวันได้อย่างไร น้องเสียใจไหมที่ทำอย่างนี้?”
“ผมโง่เกินไป ทำให้เรื่องมันเละเทะเข้าไปอีก” เกาเหว่ยฉีกล่าว “แต่ผมไม่เสียใจ เพราะความรุนแรงไม่ใช่จะไม่ดีเสมอไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของมัน เมื่อตอนที่ดอกเตอร์ซุนยัตเซนล้มล้างรัฐบาลแมนจูก็ต้องใช้ความรุนแรง ตอนที่พวกเราต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นก็ต้องใช้ความรุนแรง...เหมือนกับที่เขียนเอาไว้ในสุภาพบุรุษทรชน แสงใดๆ ก็ต้องตามติดด้วยเงา เพราะฉะนั้น
ถ้าหากเซี่ยเจิ้งเจี๋ยเป็นแสง
ผมก็ยินดีเป็นเงา”
“น้องเปรียบเทียบทั้งแสงทั้งเงา พอจะบอกพวกเราได้ไหมว่าน้องได้เห็นอะไรจากตัวเซี่ยเจิ้งเจี๋ย?”
“พวกเราเห็นแก่ตัว อ่อนแอและขี้ขลาดเกินไป
ไม่เคยมีนักเรียนมัธยมคนไหนเป็นเหมือนเซี่ยเจิ้งเจี๋ย ที่ลุกขึ้นมากล่าวความในใจที่ทุกคนอยากจะพูดอต่ไม่กล้าพูด” เกาเหว่ยฉีครุ่นคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่ง “ผมมองเห็นแสงสว่างจากตัวของเซี่ยเจิ้งเจี๋ย เพราะเขามีความจริงใจและกล้าหาญ”
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
หรือแวะชมหนังสือเล่มอื่นๆ ได้ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น