ความทรงจำของบุปผา พนา และพายุ
ณ อาณาจักรแห่งมนตรา...
สิมาริเมส เด็กสาวผู้งามพิสุทธิ์ดุจบุปผาแรกแย้ม
เนมอส นักรบผู้มั่นคงเช่นไพรพนา
ดอร์มิน ราชันย์ผู้กราดเกรี้ยวดั่งพายุ
...ได้มาพบกันด้วยชะตากรรม...อันนำมาสู่ความพลิกผัน
บทนำ
ความทรงจำของบุปผา
ดวงไฟไหวระริกในครอบแก้วเจียระไน จับร่างบอบบางที่นั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะหิน มือเรียวบางจุ่มปากกาขนนกในแท่นหมึกแล้วจึงจารึกข้อความสุดท้ายด้วยอักษรตวัดบางเบา อ่านทวนให้เรียบร้อยดีก่อนจะยกตะเกียงแก้วมาทับรอให้หมึกแห้ง เม่อนั้นเองที่หญิงสาวถอนหายใจเฮือก เสยผมดำขลับที่ยาวสยายไปด้านหลัง เธอจับผ้าคลุมไหล่จากนั้นจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะ เหลือบมองชายหนุ่มที่หลับสนิทบนเตียงกว้าง ดึงผ้าห่มที่คลุมร่างเขาให้เรียบร้อย แล้วก้าวไปยังระเบียงหินที่มีผ้าม่านปกคลุมทั้งสองไว้จากมวลสายตาเบื้องนอก
ผ้าม่านหนาหนักถูกแหวกน้อยๆ ให้ร่างผ่านออกไป สองมือเท้าบนระเบียงขณะนัยน์ตาสีน้ำตาลทองทอดมองฟ้าประดับดาวนิ่งงันเหนือสวนดอกไม้ สายลมบางเบาโชยกลิ่นหอมของดอกไม้อันคุ้นเคยมาสู่ผัสสะ จากไม้พุ่มสูงที่ผลิช่อสีม่วงครามพราวเต็มต้นข้างระเบียง ใกล้ขนาดที่สามารถเอื้อมมือออกไปเด็ดช่อดอกของมันมาโดยง่าย...ผิดกับสิ่งที่ต้องรอมานานนับ ผ่านความทรมานสาหัสจึงจะได้มาเช่นตอนนี้ หญิงสาวก้าวไปใกล้พุ่มไม้นั้น แล้วปลิดกิ่งเรียวบางกิ่งหนึ่งอย่างแผ่วเบาที่สุด บนกลีบดอกเนื้อนุ่มมือราวผ้าแพรชั้นดีมีน้ำค้างพราว บ่งบอกรุ่งสางที่ใกล้มาถึง...การเริ่มต้นของวันใหม่ แต่เป็นจุดจบของเธอกับเขา
...จุดจบของสิ่งที่เริ่มต้นจากช่อดอกไม้อย่างเดียวกับที่อยู่ในมือของเธอนี้
ในความทรงจำของบุปผาจากสถานที่และเวลาอันแสนไกล...มันยืนต้นรับแสงแดด สายลม และสายฝนในสวนมานานกว่าสามสิบปี ตั้งแต่ชายหญิงคู่หนึ่งเข้าพิธีสมรสอาศัยอยู่ในอาณาบริเวณบ้านกว้างขวางซึ่งล้อมรอบสวนนี้ ก่อนที่ทารกตัวเล็กกระจ้อยร่อยจะถูกอุ้มในอ้อมแขนของนายหญิงของบ้าน ต่อมาทารกน้อยนั้นกลายเป็นเด็กหญิงผมดำขลับที่เที่ยววิ่งเล่นในสวน เด็ดดอกไม้หลากสีรายรอบมันมาร้อยเล่นเป็นสายสร้อยและมงกุฎ ส่วนช่อดอกสีม่วงครามของมันนั้นเธอไม่อาจเอื้อมถึง แต่ก็อ้อนขอคนสวนช่วยเก็บให้นับหลายครั้ง
และต่อมาอีก เด็กหญิงก็กลายเป็นเด็กสาว เธอไม่วิ่งเล่นหัวเราะเสียงดังอีกแล้ว แต่ก้สวย่างอย่างสำรวม และแย้มรอยยิ้มบางๆ อยู่เป็นนิจ เธอไม่เด็ดดอกไม้เล่น แต่จะตัดหรือปลิดแต่ละกิ่งอย่างระมัดระวัง รวบรวมใส่ตะกร้าที่คล้องแขนเพื่อนำไปจัดใส่แจกันให้สวยงาม แขกเรื่อที่มายังบ้านแห่งนี้ล้วนชื่นชมความงามของดอกไม้ และช่อดอกไม้ที่เด็กสาวจัดบนระเบียงรับรองแขก ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากต้นของมันนัก
ในเช้าวันหนึ่ง คนรับใช้ของบ้านตระเตรียมอาหารและปัดกวาดระเบียงตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นฟ้าดี เด็กสาวเองก็มาเก็บดอกไม้อย่างพิถีพิถัน รวมทั้งดอกสีครามจากต้นไม้เก่าแก่ ไม่นานดอกไม้เหล่านี้ก็ปรากฏในแจกันเขียนลายสวยสด ประดับบนโต๊ะหินเตรียมรับรองแขกนั่นเอง
แขกในวันนั้นมีคนเดียว เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงผึ่งผายมีสง่า เขาพูดคุยกับนายของบ้านเป็นเวลานานเบื้องหน้าช่อดอกไม้ ก่อนจะสังเกตเห็นเด็กสาวคนจัดผู้นำเครื่องดื่มมารับรองตามธรรมเนียม ในวันถัดมา เขาเห็นเธอที่ใต้ร่มต้นไม้ดอกสีม่วงครามในยามสาย และช่วยเด็ดช่อดอกไม้แสนสวยที่เธอเอื้อมไม่ถึงส่งให้กับมือของเธอ เมื่อชายหนุ่มถามว่าดอกไม้นี้ชื่ออะไร เด็กสาวก็ตอบแผ่วเบาแทบเป็นกระซิบพร้อมกับเสหลบอย่างขวยเขิน ทั้งสองได้พบปะพูดคุยกันอีกหลายครั้งใต้สายตาของดอกไม้ หลังจากนั้นเขาแวะเวียนมาแทบมิได้ขาด จะมีหายไปก็ช่วงที่คนในบ้านกระซิบกระซาบถึง "สงคราม" นานนับเดือน ทว่าในที่สุดชายหนุ่มก็กลับมา เอ่ยถ้อยคำอันสำคัญยิ่งต่อเด็กสาวใต้ร่มเงาต้นไม้
ไม่นานต่อมาก็มีวันที่ดอกของมันหลายช่อใหญ่ถูกตัดไปประดับทั่วอาณาบริเวณบ้านใรพิธีการเล็กๆ อันเรียบง่าย แต่แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มก็ต้องบอกลาเธอใต้ร่มเงาไม้ และอีกวันหนึ่งก็มีคนรับใช้วิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งข่าวบางอย่าง
...ข่าวที่ทำให้เด็กสาวร่ำไห้แทบขาดใจ และชายหนุ่มก็ไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว
นับจากวันนั้น เด็กสาวเอาแต่สวมชุดสีดำ ร่ำไห้หลั่งน้ำตารดต้นไม้ราวกับต้องการให้มันกลืนกินความทุกข์โศกของเธอมาแปรกลายเป็นโลหิตหล่อเลี้ยง ทว่าต้นไม้ก็ไม่อาจผลิดอกได้ในเหมันต์ สัปดาห์หนึ่งผ่านไป เด็กสาวยิ่งร่ำไห้หนักหลังจากที่คนกลุ่มหนึ่งมายังบ้านของเธอพร้อมม้วนกระดาษติดพู่ทองดูสูงค่า วันต่อมาเธอยังคงสวมชุดสีดำ ตัดกับใบหน้าของเธอที่ซีดเผือดและดวงตาช้ำแดง เดินอย่างคนไร้วิญญาณผ่านต้นของมันไปสู่รถม้าหรูหราที่จอดรออยู่ เด็กสาวเหลือบมองต้นไม้ดอกสีม่วงครามเป็นครั้งสุดท้ายก่อนก้าวขึ้นพาหนะ และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายของความทรงจำของบุปผาถึงเธอเช่นกัน
บ้านที่มันอยู่แปรเปลี่ยนไป ทุกคนเศร้าหมองราวกับวิญญาณของพวกเขาจากไปตามเด็กสาว ไม่นานนายผู้ชายและนายผู้หญิงผู้ชราก็อันตรธานไปทั้งคู่ ไม่เหลือใครแวะเวียนมาอีก หญ้าและวัชพืชขึ้นรกครึ้มสวน แต่ต้นไม้กลับฉมเฉา อย่าว่าแต่ดอกสีม่วงครามลึกล้ำเลย กระทั่งใบมันยังไม่เหลือกำลังจะผลิอีกแล้ว
ขณะที่ครามตายของมันเข้ามาใกล้นี่เอง เงาร่างที่มันคุ้นเคยก็กลับมาเยี่ยมเยือนเป็นครั้งสุดม้าย มิใช่เด็กสาว มิใช่นายท่านและนายหญิงของบ้านที่ปลูกมันขึ้นมา แต่เป็นชายหนุ่มที่ผ่ายผอมลง แต่งกายมอซอ และมีหนวดเครารกครึ้ม เขาเดินไปในสวนช้าๆ พลางกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับมองหาสิ่งที่ตนสูญเสียไป ก่อนจะมาหยุดยืนใต้กิ่งก้านไร้ใบราวโครงกระดูก
ทว่าต้นไม้ไม่อาจบอกเขาได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับบ้านหลังนี้และเด็กสาว สุดท้ายเขาก็จากไป ทิ้งต้นไม้เดียวดายให้รอความตายเพียงลำพัง...กับความทรงจำที่ใกล้เลือนรางจางหาย........
หนังสือมือสอง ขนาด 5.5 X 8 นิ้ว จำนวน 404 หน้า
แวะชมเล่มอื่นๆ ได้ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น