Get Paid To Draw

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตะวันขึ้นที่ภูพระบาท

โรงแรมที่คณะนักข่าวชาวไทยและชาวลาวจากเวียงจันทน์ทั้งหมดพัก เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของเมือง เป็นอาคารชั้นเดียวมีห้องไม่เกิน 15 ห้อง ลักษณะคล้ายบ้านเช่าที่ทำเป็นแถวยาวหรือแบบโมเต็ลในเมืองไทยเพียงแต่ไม่ได้ทำที่จอดรถปิดไว้ข้างหน้าเท่านั้น ด้านหน้าโรงแรมทำเป็นสวนดอกไม้ มีต้นไม้อยู่หรอมแหร็ม ภายในห้องพักขนาดสามเมตรครึ่งคูณสามเมตรครึ่ง มีเตียงไม้สองเตียง มีโต๊ะ และมีมุ้ง ดูสะอาดสะอ้านเท่าที่ความเป็นเชียงขวางอันห่างไกลจะสามารถทำได้

          "แก้วอยู่คนเดียว" เสียงพิเวษฐ์สั่ง

          "อยู่แล้ว" เสียงเธอขานรับ

          "เฮ้ย...แกอย่าเผลอเปิดประตูรับใครนะ..." ภาดาตะโกนเสียงดัง

          "อะไรวะพี่...."พบแก้วถามภาดางงๆ

          "ก็แกนัดชั้นไว้ก่อนนี่" มีเสียงฮาครืน พบแก้วยกกำปั้นส่งให้ภาดา

          "พี่นอนกับใคร"

          "ไม่บอก" ภาดาว่า "เดี๋ยวแกรู้ความลับชั้นหมด"

          เข้าไปในห้องพักแล้วพบแก้วถึงได้รู้ว่าห้องน้ำในห้องพักไม่มี หากแต่อยู่ที่มุมหนึ่งของอาคาร สะอาดและกว้างขวางทีเดียว

          "ให้ผู้หญิงอยู่ติดห้องน้ำ" เสียงพิเชษฐ์สั่งอีก "จะได้สะดวก"

          "พบกันตอนทุ่มหนึ่งนะ...ท่านเจ้าแขวงจะเลี้ยงรับรอง" ท้าวคำใจประสานงานก่อนแยกย้าย


หลังงานเลี้ยงติณกระซิบกระซาบชวนพบแก้วไปเดินเล่นชมเมือง

          "อย่าให้ท้าวคำใจรู้นะ...ผมอยากเห็นเมืองเวลาที่เขาไม่อยากให้เห็นน่ะ.

          "เอางั้นรึ" พบแก้วไม่สบายใจนิดๆ

          "นี่มันค่ำแล้วนะ..." พบแก้วว่า

          "ยังไม่สามทุ่มเลย" ติณว่า "เจอกันหน้าโรงแรมนะ"

          ความไม่สบายใจที่เป็นแขกแต่จะทำตัวออกนอกทิศนอกทางของพบแก้วเลือนหายไปในเวลาไม่นานนัก เพราะความเยาว์วัยและแรงดึงจากเพื่อนชาย ติณบอกกับเฉลิมชนม์ว่า

          "พี่อาบน้ำก่อนนะครับ...ผมขอตัวไปสูบบุหรี่หน่อย" แล้วเขาก็ผลุบออกจากห้องไป

          พบแก้วแง้มประตูออกมา ทำเป็นเดินไปที่ห้องกลางของโรงแรมแล้วจึงเลี้ยวออกนอกโรงแรมไป หนุ่มและสาวเจอกันที่หน้าโรงแรมแล้วก็ออกเดินไปด้วยกัน โดยไม่รู้แม้สักนิดว่ามีสายตาของเจ้าหน้าที่ทางการของเชียงขวางที่นั่งซุ่มอยู่ในความมืดมองตามอย่างครุ่นคิด

        ^
        ^

          ทันทีที่ท่านพันแสงบอกว่า ทางการลาวจะปล่อยตัวบุระแน่นอน พบแก้วก็ตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ ทันทีโดยไม่ฟังคำทักท้วงของใคร

          "แก้วอยู่เกินวันลาแล้วค่ะ..." เธออ้างกับวัลลภ

          "วิกลับด้วย..." เทวินีบอก ข้อมูลเรื่องตัวบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับฝ่ายลาว เธอก็สืบความได้ครบถ้วนแล้วและได้ให้วัลลภติดต่อกลับไปบอกทางเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว วัลลภพยักหน้าอย่างพอใจ

          "ดี...จะได้เป็นเพื่อนกัน"

          ทันทีที่ส่งสองสาวขึ้นเครื่องไปแล้ว วัลลภจึงบอกกับเสรีภาพว่า

          "ดีแล้วที่พบแก้วกลับ ผมอยากเก็บตัวเธอไว้ก่อน หากมีข่าวเธอออกไปด้วย หากไอ้บุมันไม่เอาจริง จะยุ่ง"

          เสรีภาพหัวเราะ "แต่ผมว่าคราวนี้เขาเอาจริง"

          "งั้นรึ" วัลลภถามอย่างครุ่นคิด "ก็จริงนะ ผมไม่ค่อยเห็นมันมีอาการอย่างนี้กับใคร"

          เสรีภาพนิ่ง เขานึกถึงมือที่บวมและเกรอะไปด้วยเลือดของบุระ "ผมยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์" เขาบอกกับวัลลภ "เขามีอะไรแปลกๆ อยู่"

          เสรีภาพเล่าเรื่องมือของบุระ ถ้อยคำของบุระ แล้วก็เลยท้าวความไปถึงข่าวซุบซิบที่ได้อ่านบนเครื่องบิน และภาพการ์ตูนที่ได้ยินข่าวจากดิลกทางโทรศัพท์

          "คอยดูไปเถอะ..." วัลลภว่า แล้วสองหนุ่มใหญ่นักโบราณตดีก็หัวเราะแก่กันเต็มที่เป็นครั้งแรกนับแต่เหยียบแผ่นดินลาวเพื่อช่วยบุระ






ดูเพิ่มเติมได้ที่


ตะวันขึ้นที่ภูพระบาท

แวะชมเล่มอื่นๆ ได้ที่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น