เล่ห์พรางลวงตา
ผมตื่นมาอย่างสดชื่นแจ่มใสในวันรุ่งขึ้น ดวงตาเป็นประกายพร้อมยิ่งกว่าพร้อมที่จะออกไปซื้อเบอร์กิ้น ผมตัดสินใจว่าร้านแฟลกชิปสโตร์ของแอร์เมสที่ตั้งอยู่ที่ 24 หรือ ดู โฟบูร์ แซงต์ ออนอเรเป็นที่ที่เหมาะที่สุดที่จะลองสมมุติฐานการซื้อเบอร์กิ้นของผมเป็นครังแรก อาคารหกชั้นแห่งนั้นไม่เพียงแต่มีสินค้าแอร์เมสอยู่เต็มเพียบทั้งสองชั้นเท่านั้น แต่ยังมีสำนักงานบริษัท ห้องเวิร์กชอปออกแบบ และพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวด้วย พอถึงจุดนี้ในเกมการล่ากระเป๋าของผม ผมรู้สึกว่าที่นี่ออกจะข่มขวัญชอบกล ผมตัดสินใจจะลองกับอะไรเล็กๆ ก่อน (อย่างน้อยก็ในแง่ของพื้นที่) ผมจะไปร้านแอร์เมสที่ถนนอเวนิว จอร์จ วี มันเป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับบทพูดซื้อเบอร์กิ้นที่ผมขัดเกลามาใหม่เรียบร้อย
ตอนผมนั่งแทกซี่ไปที่นั่น ผมก็พยายามหาช่องโหว่ในทฤษฎีตัวเอง เมื่อคืนก่อนที่เหล้าไซด์คาร์แล่นพล่านไปทั่วร่างผม จังหวะสมองผมที่วาบขึ้นมาตอนคุยกับแม่เป็นจังหวะที่ลงตัวมากจนหาข้อขัดแย้งในตรรกะของมันไม่ได้เลย แน่นอนว่าตอนนั้นผมเองก็คิดด้วยว่าการโทร.หาฮวนทั้งๆ ที่เมาแอ๋ตอนตีหนึ่งเป็นความคิดที่ดี ถึงเขาจะต้องไปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กไฮสกูลตั้งแต่เช้าตรู่ก็เถอะ (น่าดีใจที่เขาไม่ได้ว่าอะไร หรืออย่างน้อยก็แกล้งทำเป็นไม่ว่าอะไร) ผมก็เลยคิดว่ามันอาจเป็นไปได้ที่การตัดสินใจอีกเรื่องของผมในตอนนั้นคงเพี้ยนๆ ไปบ้างเหมือนกัน แค่ไม่กี่นาทีก่อนลองแผนใหม่ ผมก็เกิดไม่แน่ใจขึ้นมาเสียแล้ว สิ่งที่ผมวิตกจริตคิดแล้วคิดอีกอยู่ตั้งนานสรุปออกมาได้เป็นแผนธรรมด๊าธรรมดาแบบนี้จริงๆ เหรอเนี่ย เพราะไอ้เจ้า "สูตรสำเร็จ" มีอยู่ง่ายๆ แค่ว่า เริ่มแรก ส่งรายการของที่อยากได้ แล้ว ตามด้วย ขอซื้อเบอร์กิ้น ผมทำผิดขั้นตอนมาตลอด การพยายามให้พนักงานแอร์เมสขายเบอร์กิ้นให้ก่อนหว่านเงินซื้อสินค้าอื่นๆ ก็เหมือนกับพยายามจะมีอะไรๆ กับคู่เดตงานพรอมก่อนเราจะเอ่ยปากชมทรงผมของเจ้าหล่อนนั่นแหละ นั่นคือวิธีที่ผมฉกชิงมันมาได้ในมาดริด...ผมแค่ซื้อผ้าพันคอก่อนเท่านั้นเอง ทันทีที่พนักงานแอร์เมสเห็นว่าผมพร้อมจะจ่ายเงินกว่าพันดอลลาร์ หล่อนก็ยิ่งกว่ายินดีที่จะเอาเบอร์กิ้นมาวางทับไว้บนกองนั้น คุณต้องจ่ายค่าสมาชิกแรกเข้า หรือช้อปให้จุใจเขาก่อน (อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ผมหวังไว้ ผมกำลังจะได้เห็นแล้วว่ากลเม็ดทางวิทยาศาสตร์ของผมจะประสบผลสำเร็จเมื่อลงมือทดลองหรือเปล่า)
พอแท็กซี่จอดลงหน้าร้านแอร์เมส ผมก็เช็ดฝ่ามือชื้นเหงื่อกับกางเกงยีนยี่ห้อบ็อตเตก้า เวเนต้า กลืนน้ำลาย สะกดความกระวนกระวายแล้วเดินเอื่อยๆ เข้าประตูไปเหมือนเป็นเจ้าของร้าน และเจ้าของเบอร์กิ้นทุกใบที่อยู่ในนั้น
พนักงานขายชายได้กลิ่นเงินและรี่เข้ามาหาผมทันที
"อรุณสวัสครับ ผมมีรายการผ้าพันคอที่กำลังตามหาอยู่ยาวเหยียดเลย คุณอาจจะช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้นสำหรับผมได้ใช่ไหมครับ" ผมพูดขณะส่งรายการของที่ต้องการให้เขา
"แน่นอนครับ" เขารับ กริยาอ่อนน้อมทันใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นกริยาตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นว่ารายการนั้นยาวแค่ไหน "ผ้าพันคอส่วนใหญ่เป็นผ้ารุ่นเก่า ผมต้องไปหาดูหลังร้านก่อนนะครับ"
ผมยั้งปากไม่ไห้พูดไปว่า "แหม แปลกใจจังเลย" แผนปฏิบัติการในร้านมีอยู่ว่าต้องทำให้เป็นเหมือน "มือใหม่หัดขับ" ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมอยากให้ทุกคนคิดกันไปว่าผมมาหาของให้แม่ มันเป็นส่วนหนึ่งของการทำตัวไม่ให้สะดุดตา ผมยืนอยู่ตรงนั้น พยายามวางท่าสบายๆ แต่หยิ่งนิดๆ แล้วพนักงานขายก็กลับมาพร้อมถาดที่บรรจุผ้าพันคอไว้เต็ม ขณะที่เขาแตะผ้าแต่ละผืน เขาก็ชี้ตำแหน่งของมันในรายการของที่ผมให้ไป เขามีผ้าพันคอแบบที่ผมต้องการเจ็ดถึงแปดลาย ผมหวังว่ามันคงจะพอนะ (จำนวนที่แน่นอนที่ผมต้องซื้อเพื่อให้ "เข้าข่าย" ยังเป็นเรื่องที่ผมขบคิดไม่แตก)
"โอเค ยอดมาก เยี่ยมเลยครับ...ผมเอาทั้งหมดนั่นเลย...(ทำท่าวางเฉย)...ว่าแต่คุณมีเบอร์กิ้นบ้างไหม"
"ผมต้องขอไปเช็กก่อนนะครับ แค่ครู่เดียวเท่านั้น"
แปลกใจอีกแล้วนะเนี่ย คนพวกนี้ทำตามบทหรือไง ผมแค่หวังว่าจะไม่มีการหักมุมตอนจบก็แล้วกัน ทั้งหมดที่ผมต้องการคือภาคต่อจากมาดริดเท่านั้น พอเขากลับมาพร้อมกล่องสีส้มขนาดยักษ์ ผมก็รู้ว่าความหวังทั้งหมดของผมได้รับการตอบสนองแล้ว และไม่ว่าจะมีสูตรสำเร็จหรือไม่ ผมก็ชอบหนังภาคต่อเรื่องนี้ชะมัดเลย เขาแสดงโชว์เต็มรูปแบบเหมือนที่ผมเคยเห็นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน (แต่ไม่มีถุงมือสีขาว อันนั้นใส่กับแค่กระเป๋าหนังจระเข้เท่านั้น) กระเป๋าของผมคราวนี้เป็นหนังสีฟ้าเหมือนกางเกงยีนขนาด 30 เซนติเมตร ผมไม่แคร์เลยถึงแม้มันจะเป็นเบอร์กิ้นพลาสติกลายสายรุ้งขนาดหกนิ้ว ผมอยากซื้อมันและเผ่นแน่บจากที่นี่ก่อนสัญญาณเตือนภัยพ่อค้าคนกลางขาใหญ่อย่างผมจะดังขึ้นในร้าน และผมก็ทำตามที่คิดเป๊ะ
พอกลับมาอยู่ที่ห้องพักโรงแรมอย่างปลอดภัยแล้ว ผมก็วางกระเป๋าลงบนโต๊ะข้างเตียงและรอให้มันสำแดงเดช เจ้ากระเป๋าพวกนี้ต้องมีเวทมนต์ใช่ไหมล่ะ ผมรู้น่ะว่าวันนี้ตัวผมเองมีเวทมนต์ ผมคือแฮรี่ พ็อตเตอร์แห่งกระเป๋าถือ ผมมีความสามารถแสดงกลที่เด็ดกว่าการดึงกระต่ายออกจากหมวกมากมาย เพราะผมรู้ว่าจะดึงเบอร์กิ้นออกมาจากแอร์เมสได้ยังไง ( ผมหมายถึงพวกเราก็รู้กันดีว่ากระต่ายเป็นยังไง เราไม่มีวันต้องรอสองปีให้มันเพิ่มปริมาณเลย แค่สองนาทีละมากกว่า) มันก็เหมือนกับกลเม็ดเคล็ดลับในการพลิกฝ่ามือนั่นแหละ เพราะพอเรารู้แล้วว่ามันทำยังไง เราก็คิดไม่ออกเลยว่าทำไมมันถึงต้มเราเสียเปื่อยได้ในครั้งแรก และถึง "สูตรสำเร็จ" นี้จะแสนธรรมดา แต่ยังมีคนอีกมากมายก่ายกองเข้าชื่ออยู่ใน "รายการขึ้นทะเบียนรอ" เฝ้าคอยจนเหี่ยวแห้งหัวโตอยู่เงียบๆ ต้องทุกข์ทรมานเพราะมัวแต่ไขว่คว้ากระเป๋าหนังราคาแพงที่ไม่มีวันได้มา เอาละ ไม่ต้องแห้งเหี่ยวกันอีกต่อไปแล้ว เพราะความช่วยเหลือกำลังจะมาถึงแล้ว ผมแทบรอเริ่มชีวิตใหม่ในฐานะฮูดินี่แห่งแอร์เมสไม่ได้เลย ผมจะทำให้เบอร์กินโผล่ไปทั่วโลกเลยละ
Bringing Home the Birkin; Michael Tonello
books~4~you ร้านหนังสือมือสองของคนชอบอ่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น